วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การสวมหมวกกันน็อคที่ถูกวิธี

ความกระชับในการสวมใส่ และการมองเห็นขณะสวมใส่อย่างน้อยควรมีค่า 120 องศา เนื่องจากปกติค่ามุมมองการเห็นของตามนุษย์มีค่าระหว่าง 110-115 องศา ในต่างประเทศ หมวกกันน็อคจำเป็นต้องมีวัสดุสะท้อนแสงตามขนาดที่กำหนดติดไว้เพี่อความปลอดภัยในยามค่ำคืน

9 วิธีการเลือกซื้อหมวกกันน็อค ต้องดูอะไรบ้าง

หมวกกันน็อคเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในขณะที่เราขับขี่มอเตอร์ไซด์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการป้องกันหรือแม้กระทั่งแฟชั่นในการใส่และรสนิยมของผู้ขับขี่ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อหมวกกันน็อคอย่างถูกวิธีกันนะครับ

คุณควรเข้าใจการทำงานของหมวกกันน็อคก่อนน่ะครับว่าหมวกกันน็อคหนึ่งใบมีส่วนประกอบหลัก 4 ส่วนครับ

1.เปลือกนอก ( Shell ) ต้องแข็งและดูดซับแรงกระแทกได้ดี
2.ส่วนในของหมวกกันน็อคต้องทำมากจาก EPS (Styrofoam) เพื่อป้องกันแรงกระแทกที่เกิดขึ้นให้เบาลง
3.ต้องแน่ใจว่าสายรัดคางสามารถใช้ได้ดี และรัดคางได้แน่น
4.หมวกที่ดีสวมใส่ต้องแน่นพอดีศรีษะและสะดวกสบาย ระบายอากาศได้ดีไม่อับชื้น
คราวนี้เราก็มาดูกันเลยว่าก่อนที่เราจะซื้อหมวกกันน็อคนั้นควรจะดูอะไรบ้าง

1.ผลิตได้ตามมาตรฐาน

เลือกใช้หมวกกันน็อคที่รับรองจากสากลแล้วว่าผลิตตามมาตรฐานของสากลและอยู่ในกฏเกณท์ของอุปกรณ์สวมใส่ที่เรียกว่าหมวก อย่าเลือกใส่หมวกกันน็อคที่ไร้มาตรฐานไม่ว่าจะเหตุผลอันใดก็ตาม เพราะว่ามันไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของคุณได้เลยเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด แน่นอนสมองของคุณจะได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง สินค้าที่ไม่ได้รับมาตรฐานจะหลอกผู้บริโภคด้วยการติดสติ๊กเกอร์รับรองมาตรฐาน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ สินค้าเหล่านั้นมันไม่ได้ป้องกันอะไรได้เลยเมื่อคุณต้องการที่จะใช้มัน

หน่วยงานที่รองรับมาตรฐานมีทั้งของต่างประเทศและในประเทศเราเช่น มอก., DOT, ECE, Snell, Bsi, etc องค์กรณ์เหล่านี้จะคอยควบคุมมาตรฐานของหมวกกันน็อคที่ใช้สำหรับมอเตอร์ไซด์ ถ้ามันไม่ได้มาตรฐาน สิ่งที่คุณจะเจอนั่นก็คือ สมองของคุณจะถูกทำลาย เมื่อคุณรถล้มและหัวคุณฟาดพื้น คุณเลือกเอาแล้วกันระหว่างหมวกกันน็อคดีๆสักใบกับชีวิตของคุณ

2.การใช้งาน

เลือกสไตล์ที่คุณชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นหมวกครึ่งใบ สามส่วนสี่ใบ หรือแม้กระทั่งเต็มใบ นักขับบางคนมีความชอบในลักษณะของหมวกกันน็อคไม่เหมือนกัน คุณไม่สามารถจับใครมาเทียบมาตรฐานได้เลยว่า คนนั้นคนนี้จะชอบหมวกสไตร์ไหน แต่เมื่อเทียบกับลักษณะการใช้งานคุณก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าควรเลือกอย่างไร เช่น ถ้าเมื่อคุณต้องไปสถานที่ที่มีลมแรง คุณควรเลือกหมวกลักษณะเต็มใบ คุณเลือกครึ่งใบก็อาจจะทำให้ทรายหรือลมเข้าตาของคุณ ทำให้ตาของคุณอักเสบหรือแย่ที่สุดมันอาจจะทำให้คุณประสบอุบัติเหตุได้ แต่ถ้าคุณชอบแบบโปร่งโล่งสบายๆคุณก็ต้องเลือกหมวกครึ่งใบก็แค่นั้นเอง นักขับนักแข่งส่วนใหญ่ตอนนี้มักจะเลือกหมวกที่มีลักษณะถอดประกอบได้และที่สำคัญต้องเต็มใบเท่านั้น ซึ่งสังเกตุเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนน แต่หมวกครึ่งใบมักจะพบเช่นกันแต่ไม่บ่อยเพราะว่ามันไม่สามารถป้องกันอะไรได้มากเท่าหมวกเต็มใบ

3.ขนาด

เลือกแบบที่เหมาะสม ต้องสวมใส่แล้วรู้สึกสบาย หลีกเลี้ยงหมวกที่มีตำหนิ ไม่สะอาด เพราะทั้งหมดจะอยู่ที่หน้าและหัวของคุณ มันอาจจะนำพาสิ่งสกปรกมาก็เป็นได้ ที่สำคัญต้องกระชับคือเวลาคุณส่ายหัวไปมาจะรู้สึกได้ว่าหมวกไม่ขยับและไม่เลื่อน ทางที่ดีก่อนซื้อคุณต้องถามคนขายให้แน่ชัดถึงขนาดของหมวก คนขายที่ดีจะมาพร้อมคำแนะนำที่ดีเสมอ เพราะสิ่งที่คุณจ่ายไป คุณต้องได้สิ่งที่คุ้มค่า และที่สำคัญคุณควรเปลี่ยนหมวกกันน๊อคใหม่ทุกๆ 5 ปีถ้ามันไม่หายเสียก่อน

4.ชำรุดและเสื่อมคุณภาพ

เปลี่ยนหมวกกันน็อคของคุณเมื่อมันมีรอยแตก คุณจะสังเกตุเห็นได้ว่าส่วนประกอบข้างในหมวกกันน็อคของคุณจะมีลักษณะเป็นโฟมซึ่งเรียกว่า Styrofoam ถ้าหมวกกันน็อคของคุณแตก เมื่อคุณประสบอุบัตเหตุจะทำให้แรงกระแทกเข้าถึงศรีษะของคุณได้แรงขึ้นเนื่องจาก วัสดุด้านนอกแตกหักเสียหาย ก็จะทำให้แรงกระแทกผ่านถึงโฟมและก็ถึงศรีษะเราได้เร็วขึ้นโดยที่หมวกกันน็อคดูดซับแรงได้น้อยลงมากๆ วิธีรักษา คือเมื่อคุณไม่ใด้ใช้หมวกกันน็อค คุณควรจะวางเก็บไว้ให้เป็นที่ ที่สำคัญควรวางไว้ที่พื้นเพราะว่าป้องกันการตกเพราะจะทำให้หมวกเสียหาย ถ้ามันแตก คุณอาจจะต้องซื้อใหม่ ซึ่งมันแพงนะ

5.แนวการมองเห็น

การมองเห็นต้องดีเยี่ยม เมื่อคุณซื้อหมวกกันน็อคสิ่งที่คุณคำนึงถึงก็คือวิสัยทัศน์ในการมองเห็น ซึ่งถ้าคุณมองถนนไม่ค่อยชัดในขณะขับขี่ ผมว่ามันไม่ดีต่อตัวคุณเลย ลักษณะหมวกที่เลือกก็ตามมาตรฐานสากลทั่วไปคือ ไม่มีรอยบุบบิดเบี้ยว วัสดุไม่แตกหักเสียหาย สายรัดยังอยู่ดีมีชัย และสำคัญมากๆกระจกที่บังหน้าคุณ คุณต้องเลือกกระจกที่มีลักษณะไม่มืดจนเกินไป แต่ควรจะมีคุณสมบัติกันแสงจากดวงอาทิตย์ด้วย เพราะฉะนั้นคุณลองสวมมันซะ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อมัน

6. ระบายอากาศได้ดี

ตรวจสอบการระบายอากาศในหมวกให้ดี การระบายอากาศส่งผลต่อความสะอาดของหมวกกันน็อค มันสำคัญมากในเรื่องของความสะอาดและถ้าคุณปล่อยให้หมวกของคุณสกปรกซึ่งจริงๆแล้วมันจะสกปรกแค่ข้างในหมวกคุณ มันจะทำให้สิ่งสกปรกเหล่านั้นปะทะกับใบหน้าและรูจมูกของคุณเต็มๆ การระบายอากาศของหมวกมักจะเกิดจากวัสดุภายในหมวก (EPS) ซึ่งคุณต้องถามคนขายและผู้เชี่ยวชาญดูว่า หมวกใบนี้สะอาดพอที่จะอยู่บนหัวคุณหรือเปล่า

7. ถอดซับในออกได้

ควรเลือกหมวกที่ถอดที่ซับในออกได้ และทำความสะอาดมันซะ !! มันจะทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานของหมวก ความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าคุณหมั่นทำความสะอาด ใบหน้าและเส้นผมของคุณจะแจ่มจรัส การขับขี่ทุกครั้งก็จะมีฝุ่นและเหงื่อที่เข้าไปและจะถูกสะสมสร้างความสกปรกและกลิ่นได้

8. สื่อสาร

ข้อนี้อาจจะไม่จำเป็นมากแต่ถ้ามีให้เลือกก็ควรที่จะเลือก ผู้ขับขี่บางคนชอบพูดคุยและฟังเพลงขณะขับขี่มอเตอร์ไซด์ ซึ่งจะมีหมวกบางรุ่นที่ได้รวบรวมเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไปไว้ในนั้นแล้ว ซึ่งสะดวกสบายสำหรับการขับขี่มากๆ ถ้าชีวิตคุณขาดมันไม่ได้ขนาดนั้น คุณควรหาซื้อหมวกที่มีลักษณะแบบนั้นซะ

9. หมวกกันน็อคมือสอง

อันนี้ต่างประเทศให้ความสำคัญกันมากครับเรื่องหมวกกันน็อคมือสอง ถ้าไม่จำเป็นอย่าซื้อหมวกกันน็อคมือสอง จำได้ไหมที่ผมแนะนำเกี่ยวกับการเลือกหมวกที่มีความเสียหายหรือหมวกที่แตกหัก แน่นอนแหละว่าหมวกมือสองนั้นถูก แต่คุณไม่รู้หรอกว่า ทำไมคนเหล่านั้นถึงขายหมวกให้คุณ คุณไม่มีทางทราบเลยว่า หมวกใบนั้นมีตำหนิภายในส่วนไหน หล่นมากี่ครั้ง ทำสีมาหรือเปล่า ใช้มานานหรือยัง คำถามพวกนี้คุณต้องตระหนักมันมากๆ เพราะมันมีผลกับชีวิตของคุณ เลือกมันซะ !!

สวมหมวกนิรภัย ถูกวิธี ลดเจ็บ - ลดตายจากอุบัติเหตุ

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธี ช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ และการเสียชีวิตกรณีประสบอุบัติเหตุทางถนน โดยให้ใช้หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ ที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ มีเครื่องหมาย มอก. กำกับ  ไม่นำหมวกที่เคยประสบอุบัติเหตุหรือกระแทกอย่างแรงมาใช้งาน  เปลี่ยนหมวกใบใหม่ทุกๆ 5 ปี ส่วนการสวมหมวก ให้ปรับความตึงของสายรัดคางให้แน่นหนาเพียงพอที่หมวกจะไม่หลุดจากศีรษะกรณี ประสบอุบัติเหตุ
               
            นายวิบูลย์  สงวนพงศ์  อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า แม้หมวกนิรภัยจะไม่ใช่อุปกรณ์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่การสวมหมวกนิรภัยที่ได้มาตรฐานอย่างถูกวิธี เมื่อประสบอุบัติเหตุ นอกจากจะช่วยป้องกันอันตรายจากการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะได้ถึงร้อยละ 70 แล้ว  ยังป้องกันการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 40  เพื่อความปลอดภัย ขอแนะวิธีเลือกใช้และการสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี ดังนี้  การเลือกใช้หมวกนิรภัย ใช้หมวกนิรภัยแบบเต็มใบ  ที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ มีเครื่องหมายรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) กำกับ ไม่ใช้หมวกนิรภัยที่มีขนาดใหญ่กว่าศีรษะ เพราะหากประสบอุบัติเหตุ จะหลุดออกจากศีรษะได้ง่าย  เลือกใช้หมวกที่มีสีสันสดใสหรือสีสว่าง จะช่วยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไกล ไม่นำหมวกนิรภัยที่เคยประสบอุบัติเหตุหรือกระแทกอย่างรุนแรงมาใช้งาน  เปลี่ยนหมวกนิรภัยใบใหม่ทุกๆ 5 ปี หรือภายหลังหมวกกระแทกพื้นหรือประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง เนื่องจากวัสดุบางชิ้นอาจหมดอายุการใช้งาน การสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี  สวมหมวกนิรภัยตรงๆ บนศีรษะ ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่ง โดยส่วนหน้าคลุมหน้าผากทั้งหมดจนถึงขอบคิ้ว  ส่วนที่เหลือคลุมพื้นที่บนศีรษะให้มากที่สุด ปรับความตึงของสายรัดคางให้กระชับใต้คาง (สามารถสอดนิ้วได้ประมาณ 2 นิ้ว) สายรัดข้างไม่บิดหรือหย่อน รวมถึงแน่นหนาเพียงพอ   ที่หมวกจะไม่หลุดออกจากศีรษะ หรือเลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่าย วิธียืดอายุการใช้งาน ระวังอย่าให้หมวกนิรภัยกระแทกพื้นหรือของแข็งอย่างรุนแรง เพราะโฟมจะยุบตัวและเกิดรอยร้าว ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพในการรองรับแรงกระแทก  เมื่อประสบอุบัติเหตุ ไม่เก็บหมวกนิรภัยไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง กลางแจ้ง หรือใกล้แหล่งความร้อนเป็นระยะเวลานาน  รวมถึงห้ามนำทินเนอร์ เบนซิน น้ำยาเคลือบสีรถยนต์มาเช็ดหมวกนิรภัย เพราะอาจทำให้โฟมด้านในละลาย ส่งผลให้หมวกนิรภัยเสื่อมสภาพเร็วขึ้น  วิธีสวมหมวกนิรภัยให้เด็กเล็ก  ผู้ปกครองควรปลูกฝังค่านิยมในการสวมหมวกนิรภัยแก่เด็ก  สวมหมวกนิรภัยให้เด็กเห็นจนเคยชิน  ไม่ล้อเลียนเวลาเด็กสวมหมวก หรือบังคับให้เด็กใส่หมวก  เลือกหมวกที่มีสีสันสวยงามหรือลวดลวยการ์ตูน  จะดึงดูดความสนใจของเด็กให้สวมใส่หมวกนิรภัยได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้เด็กสวมใส่หมวกที่มีขนาดพอดีกับศีรษะ  หากขนาดศีรษะเด็กเพิ่มขึ้น ควรเปลี่ยนหมวกใบใหม่ และทุกครั้งที่นำเด็กโดยสารรถจักรยานยนต์ ควรให้เด็กสวมหมวกนิรภัยด้วยทุกครั้ง เพื่อลดการบาดเจ็บที่ศรีษะกรณีประสบอุบัติเหตุ

ข้อแนะนำ สำหรับผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์

 1. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยในขณะขับขี่ทุกครั้ง 
     2. ไม่ควรขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูง 
     3. ไม่ควรบรรทุกนํ้าหนักสิ่งของหรือคนโดยสารมากเกิน จนทำให้รถทรงตัวไม่ดี 
     4. การขับขี่ควรชิดทางด้านซ้ายบายพาหนะอื่นๆ ยกเว้นกรณีที่ต้องเลี้ยวขวา ควรให้สัญญาณไฟก่อนเปลี่ยนช่องทาง 
     5. หลีกเลี่ยงการขับขี่ระหว่างช่องทางเดินรถ 
     6. อย่าเร่งเครื่องให้เกิดเสียงดังเกินควร ควรติดตั้งเครื่องลดเสียงที่ท่อไอเสีย 
     7. ขับขี่ด้วยความระมัดระวังบริเวณทางแยกหรืออกจากซอย(70% ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมักจะเกิดตรงทางแยก) 
     8. ดูกระจกส่องข้างและให้สัญญาณไฟทุกครั้ง ถ้าต้องการเปลี่ยนช่องทางเดินรถ 
     9. ขับรถให้ช้าลงในที่เป็นหลุมเป็นบ่อเวลาฝนตก หรือหมอกลงจัด และควรเปิดไฟขณะขับขี่ 
    10. ชะลอความเร็วลง ถ้ามีคนหรือสุนัขวิ่งในถนน หรือวิ่งตัดหน้า 
    11. งดการดื่มสุราก่อนการขับขี่ 
    12. รถต้องมีเลขทะเบียนท้ายรถ และต่ออายุป้ายวงกลม เสียภาษีรถจักรยานยนต์ทุกปี 
    13. อย่าลืมพกใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกปี 
    14. ตรวจสอบสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะขับขี่เสมอ

หมวกกันน็อคมีวันหมดอายุจริงหรือ

โดยทั่วไปหมวกกันน็อคจะมีอายุการใช้งานเต็มที่ 3 ปี เพราะหมวกกันน็อคใช้วัสดุในการผลิตคือพลาสติก ย่อมเกิดการเสื่อมสภาพ ยิ่งเกิดการกระแทกก็จะยิ่งเสื่อมสภาพ หากครบ 3 ปี ให้รีบเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการเสื่อมสภาพของพลาสติกและโฟมจนไม่สามารถทนรับแรงกระแทกแทนศีรษะเราได้ และหมวกที่เคยตกเคยกระแทกมาแล้วอายุการใช้งานก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน

วิธีการดูแลรักษาหมวกกันน็อค

ห้ามแขวนหมวกกันน็อค ในขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และห้ามแขวนหมวกกันน็อคที่บนกระจกมองหลัง ห้ามนั่งบนหมวกกันน็อค หรือขว้างหมวกกันน็อค ไม่ควรนำส่วนรองรับแรงกระแทก เช่น ซับในไปตากแดดแรงๆ หรือวางใกล้ที่ที่มีความร้อนสูงกว่า 50 องศาเซลเซียส หรือหลีกเลี่ยงการฉีดสเปรย์ย่าฆ่าแมลงใกล้หมวกกันกันน็อค การดูแลหมวกนิรภัยที่ไม่ดีจะมีส่วนทำลายเปลือกหมวก ส่วนรับแรงกระแทกที่สำคัญอาจมีคุณสมบัติในการปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุลดลงได้

ประวัติของหมวกกันน็อค

มีบางหลักฐานระบุว่าเมื่อ 900 ปีก่อนคริสตกาล ทหารเริ่มสวมหมวกกันน็อคที่ทำจากหนังหรือบรอนซ์ เพื่อป้องกันภัยขณะต่อสู้กับข้าศึกและมีการพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่ง เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1935 นายT.E Lawrence ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยานยนต์
          คุณหมอ Huge Calms เจ้าของคนไข้ที่คอยดูแลอาการของเขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่เขาได้เสียชีวิต จึงนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาให้มีหมวกนิภัย เพื่อป้องกันอันตรายอย่างจริงจัง ในปี ค.ศ.1935 จนนถึงปัจจุบันผู้คนต่างให้ความสำคัญกับการใช้หมวกนิรภัยเวลาขับขี่รถจักรยานยนต์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะผู้ใหญ่หรือเด็กจึงมีการออกแบบลวดลายต่าง ๆ มากมายที่เห็นได้ในปัจจุบัน
           ส่วนในประเทศไทย คำว่า หมวกนิรภัย ที่แปลว่าหมวกกันกระแทกนั้น เป็นศัพท์บัญญัติของหมวกกันน็อคที่เป็นคำพูดติดปากของคนทั่วไป อาจเพราะมีความหมายตรงตัวที่หมายถึง การกันกระแทกไม่ให้น็อคนั่นเอง แล้วมรีสถิติจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมากที่สุดจากการใช้รถ 2 ล้อซึ่ง 88 เปอร์เซ็นต์ ของผู้เสียชีวิตเกิดจากการไม่ได้สวมหมวกนิรภัย

การเลือกหมวกกันน็อคก่อนใช้

ารเลือกหมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่   มีมาตรฐานกำหนดในแต่ประเทศ   สำหรับประเทศไทยได้กำหนดเป็นมาตรฐาน มอก. 369-2539  โดยมาตรฐานได้กำหนดลักษณะที่สำคัญของหมวกกันน็อคไว้หลายประการ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดอุบัติเหตุต่อศีรษะของผู้สวมใส่เป็นสำคัญเช่น หมวกกันน็อคมาตรฐานต้องมีความแข็งแรง  น้ำหนักเบาไม่เกิน 2 กิโลกรัม   มีรูระบายอากาศ  มีช่องฟังเสียง  บังลมต้องเป็นวัตถุโปร่งใสและไม่มีสี  หมวกกันน็อคที่ผลิตขึ้นมาจึงต้องมีการทดสอบตามมาตรฐานก่อนที่จะออกจำหน่าย  ได้แก่  การทดสอบแรงกระแทกและความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก   ความทนทานต่อการเจาะทะลุจากวัตถุมีคม  ผู้สวมใส่หมวกกันน็อคควรพิจารณาถึงขนาดที่พอดีกับศีรษะและความกระชับของสายรัดใต้คาง ปัจจุบันมีการออกแบบหมวกกันน็อคอย่างหลากหลาย เช่น แบบครึ่งใบที่ปิดเฉพาะส่วนบนของศีรษะ แบบเต็มใบที่ปิดส่วนบน ท้ายทอย ขากรรไกร และแบบปิดเต็มหน้าไปถึงบริเวณคางของผู้สวมใส่หมวกกันน็อคบางรุ่นมีช่องเสียบหูฟังเข้ากับตัวหมวกเพื่อฟังวิทยุได้   หรือมีการเสริมด้านข้างของหมวกด้วยวงแหวนอลูมิเนียมเพื่อให้หมวกแข็งแรงขึ้นและลดแรงกระแทกด้านข้าง

ส่วนประกอบของหมวกกันน็อค

หมวกกันน็อคที่ทำจากพลาสติกขนาดเบาราคาที่ถูกกว่าหมวกกันน็อคที่ทำจากไฟเบอร์กลาสและ kevar  แต่มีอายุการใช้งานสั้นกว่า บางครั้งมีการใส่สีลงไปในเนื้อพลาสติกหรือลวดลาย  จึงต้องระวังหากอยู่ใกล้เปลวไฟหรือน้ำมัน ส่วนวัสดุชั้นในทำจากโฟมโพลิสไตรีนที่เรียกว่า “ EPS foam “ ย่อมาจาก expanded polystyrene foam หรือเรียกว่า “ftyrofoam”   หนาประมาณ 1 นิ้ว  ชั้นโฟมนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญของหมวกกันน็อค   เนื่องจากโพลิสไตรีนมีสมบัติที่ไม่คืนตัวและมีการกระจายแรง   เมื่อดูดซับแรงกระแทกจึงเกิดการยุบตัว ถ้าหากยิ่งดูดซับแรงกระแทกมากเท่าไหร่   การที่แรงจะส่งแรงไปถึงศีรษะผู้สวมใส่ย่อมลดน้อยลง   นอกจากนี้ ชั้นภายในหมวกที่สัมผัสกับศีรษะอาจมีการบุผ้าหรือกำมะหยี่ไว้ภายในหมวกอีกชั้นหนึ่งเพื่อความนุ่มสบายยามสวมใส่อีกด้วย

ถ้าไม่สวมหมวก จะเกิดอะไรขึ้น

มื่อเกิดอุบัติเหตุ หมวกกันน็อค สามารถป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่โดยอาศัยการดูดซับและถ่ายเทแรงกระแทกของวัสดุ วัสดุชั้นนอกหรือ “shell” ทำหน้าที่การป้องกันการเจาะกระแทกของวัสดุแหลมคมและป้องกันการเสียดสีอย่างแรง   โดยดูดซับแรงกระแทกขั้นต้นที่เกิดจากอุบัติเหตุ ถ้าหากคุณไม่สวมในขณะขับขี่ ให้ลองนึกภาพตาม ศีรษะของคุณจะไม่ได้รับการปกป้องใดๆเลย พอกระแทกพื้นย่อมเกิดบาดแผลหรือแตก หรืออาจถูกรถลากยาวไปหลายร้อยเมตรก็เป็นได้

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ

ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ

           การประกาศนโยบาย ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น กำหนดขึ้นเพื่อมุ่งหวังสร้างประเทศไทยในอนาคตให้เข้มแข็ง ซึ่งการที่ประเทศไทยจะเข้มแข็งได้ ต้องมีคนในชาติที่เข้มแข็งก่อน ดังนั้นจึงกำหนดค่านิยมหลักของคนไทยให้ชัดเจนขึ้น เพื่อให้คนไทยใช้เป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติตน โดยค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ มีดังนี้




         ๑. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติในปัจจุบัน 
             หมายถึงการประพฤติปฏิบัติตนที่แสดงถึงความศรัทธา หวงแหน ปกป้องยกย่องความเป็นชาติไทย ยึดมั่นศาสนาและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น รู้ความสำคัญและให้ความเคารพชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เป็นต้น




           ๒. ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม 
                หมายถึง การปฏิบัติตนที่แสดงถึงการยึดมั่นในความถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือ รู้จักควบคุมตนเอง
เมื่อประสบกับความยากลำบาก เช่น การเล่นและทำงานกลุ่มรวมกับเพื่อน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น เป็นต้น



            ๓. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 
                 หมายถึง การประพฤติตนที่แสดงถึงการรู้จักบุญคุณปฏิบัติตามคำสั่งสอน แสดงความเคารพ ความเอาใจใส่ และตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ผู้ปกครอง และครูอาจารย์ เช่น เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่และครู ดูแลเอาใจใส่ รักและเคารพต่อพ่อแม่ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ เป็นต้น



    ๔. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษา เล่าเรียน ทั้งทางตรงและทางอ้อม 
      หมายถึง การปฏิบัติตนที่แสดงถึงความตั้งใจเพียรพยายามในการศึกษาเล่าเรียน แสวงหาความรู้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ตั้งใจศึกษาในเรื่องที่เรียนและเรื่องที่สนใจ มีความอยากรู้และสงสัยในเรื่องต่างๆ แสวงหาความรู้เพื่อการศึกษาเล่าเรียนโดยใช้สื่อเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ เป็นต้น



           ๕. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม 
                หมายถึง การเรียนรู้ ปฏิบัติตน และเห็นคุณค่าที่แสดงถึงการอนุรักษ์ การสืบทอดวัฒนธรรม ประเพณีไทยอันดีงามด้วยความภาคภูมิใจ เช่นเรียนรู้วัฒนธรรมประเพณีไทยและสามารถปฏิบัติตามได้ เป็นต้น

      ๖. มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผู้อื่น เผื่อแผ่และแบ่งปัน 
          หมายถึง การประพฤติปฏิบัติตนที่ดีงาม ยึดคำมั่นสัญญา มีจิตใจโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่น เช่น พูดความจริง มีน้ำใจ
ต่อเพื่อน ไม่ลักขโมย เป็นต้น



         ๗. เข้าใจ เรียนรู้ การเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่ถูกต้อง
             หมายถึง การเรียนรู้ ปฏิบัติตนตามสิทธิและหน้าที่ของตนเอง ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนเคารพสิทธิและหน้าที่ของผู้อื่นภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ตามการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น รับฟังความคิดเห็นของเพื่อน รู้จักใช้สิทธิ์และหน้าที่ของตนเอง ปฏิบัติตามข้อตกลงของห้องเรียน ให้ความร่วมมือโดยใช้เหตุผล เป็นต้น



         ๘. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ 
             หมายถึง การปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมาย มีความเคารพและนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ เช่น ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือกฎระเบียบของครอบครัวและชุมชนที่ตนอยู่ แสดงกิริยาที่เหมาะสมมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ เป็นต้น



         ๙. มีสติ รู้ตัว รู้คิด รู้ทำ  รู้ปฏิบัติ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
             หมายถึง การน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาประพฤติปฏิบัติตนอย่างมีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ อย่างรอบคอบ ถูกต้อง เหมาะสม เช่น มีสติ รู้ในสิ่งที่กำลังทำอยู่ นำพระราชดำรัสของในหลวงมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

      ๑๐. รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รู้จักอดออมไว้ใช้เมื่อยามจำเป็น มีไว้พอกินพอใช้ถ้าเหลือก็แจกจ่าย และขยายกิจการเมื่อมีความพร้อม โดยมีภูมิคุ้มกันที่ดี 
          หมายถึง ดำรงชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี มีความรู้ มีคุณธรรม และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงประหยัดอดออม เป็นต้น



         ๑๑. มีความเข้มแข็งทั้งร่ายกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ หรือกิเลสมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป ตามหลักของศาสนา 
             หมายถึง การปฏิบัติตนให้ร่างกายและจิตใจมีความเข้มแข็ง ละอายเกรงกลัวต่อบาป ไม่กระทำความชั่วใดๆ ยึดมั่นในการทำความดีตามหลักของศาสนา เช่น รู้จักแยกแยะความดีความชั่ว รู้ว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด สิ่งใดที่ควรทำหรือไม่ควรทำ เป็นต้น



       ๑๒. คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และต่อชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
          หมายถึง ปฏิบัติตน เสียสละ ให้ความร่วมมือทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และประเทศชาติเช่น ร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร ดูแลรักษาสิ่งของเครื่องใช้ในห้องเรียน รู้จักช่วยเหลือแบ่งปันสิ่งของให้กับผู้อื่น เป็นต้น